Thursday, July 30, 2015

Paphiopedilum niveum รองเท้านารีขาวสตูล สวยหวาน


                     สวัสดีครับ วันนี้ผมมีภาพและเรื่องราวของกล้วยไม้รองเท้านารีขาวสตูลมาให้ได้ชมกัน โดยเจ้าต้นนี้เป็นไม้ที่ผมเลี้ยงมานานเป็นปีแล้วเหมือนกัน ถือว่าเป็นกล้วยไม้ต้นเก่าเก็บต้นนึงซึ่งผมชอบมากเลยก็ว่าได้ เพราะดอกของเค้านั้นสวยดี และในการปลูกเลี้ยงนั้นก็ไม่ยากเท่าไร ผมก็เลยอยากจะนำเรื่องราวการปลูกเลี้ยงกล้วยไม้สายพันธุ์นี้มาแนะนำให้เพื่อนๆ ได้รู้จักกัน งั้นก็เริ่มกันเลยนะครับ


                  รองเท้านารีขาวสตูลเป็นกล้วยไม้ที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ทางภาคใต้ ก็ตามชื่อของเค้านั่นล่ะครับ ด้วยความที่ถิ่นกำเนิดของไม้ชนิดนี้อยู่ทางภาคใต้ที่ไม่ได้มีอากาศเย็นอะไร เพราะฉะนั้นเค้าจึงเป็นไม้ที่สามารถที่จะปลูกเลี้ยงให้เจริญเติบโตและออกดอกได้ในทุกภาคของประเทศ อย่างบ้านผมภาคกลางก็เลี้ยงได้ครับ


                ซึ่งในส่วนของการปลูกรองเท้านารีชนิดนี้ที่ของผมนั้นก็มีวิธีการเลี้ยงที่ไม่ซับซ้อนอะไร เริ่มแรกก็ว่ากันด้วยเรื่องของเครื่องปลูกกันก่อนเลยก็แล้วกัน


                  สำหรับเครื่องปลูกรองเท้านารีนั้นมีหลายประเภท เท่าที่ทราบก็มี กาบมะพร้าวสับ ขุยมะพร้าว ถ่านทุบ อิฐทุบ หินภูเขาไฟ ไฮโดรตรอน พีทมอส สแฟกนั่มมอส รากเฟินชายผ้าสีดา โฟม เปลือกสน และอื่นๆ อีกมากมาให้ได้เลือกใช้ตามความชอบของแต่ละท่าน

                  ซึ่งถ้าเป็นที่ผมใช้นั้น หลักๆ ก็จะเป็นหินภูเขาไฟครับ เพราะหินภูเขาไฟนั้นเป็นวัสดุปลูกที่มีความทนทานสูงมาก อายุการใช้งานยาวนานหลายปี และที่สำคัญเลยคือหินภูเขาไฟนั้นโปร่งระบายน้ำได้ดี ผมจึงไม่ค่อยห่วงว่ารดน้ำไปแล้วจะเกิดน้ำขังจนความชื้นสะสมสูงทำให้กล้วยไม้เน่าตายสักเท่าไรนัก ก็เรียกได้ว่าหินภูเขาไฟเป็นวัสดุปลูกที่ผมชอบที่สุดและใช้เป็นประจำครับ


              มาในส่วนของสภาพอากาศกันบ้าง สำหรับในการปลูกรองเท้านารีของนั้น จุดที่วางกระถางของผมจะอยู่ในทิศทางทีโดนแดดตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยง ซึ่งจากที่ปลูกมาสักพักใหญ่ๆ ก็ไม่มีปัญหาอะไรนะครับ กล้วยไม้มีการเจริญเติบโตในระดับที่น่าพอใจ ออกดอกใช้ได้ เพราะงั้นก็เลยคิดว่าแสงเท่านี้น่าจะพอได้อยู่ครับ


                 ส่วนในเรื่องการให้น้ำนั้น ผมจะรดน้ำประมาณ 3 วันครั้งและสถานที่ปลูกก็จะให้เค้าอยู่ใต้หลังคา ไม่ให้เค้าตากฝนอย่างเด็ดขาด เพราะรองเท้านารีนั้นเน่าง่ายยิ่งถ้าเจอความชื้นสะสมสูงมากๆ จะมีโอกาสที่จะตายเป็นอย่างมากเลยครับ เพราะฉะนั้นผมจึงต้องระวังเรื่องความชื้นเป็นพิเศษ ซึ่งที่ผ่านมาจากวิธีการเลี้ยงที่ผมบอกไปข้างต้น ทั้งการเลือกวัสดุปลูกเป็นหินภูเขาไฟล้วน การได้รับแสงแดดที่พอเพียง และสถานที่ปลูกที่มีหลังคากันฝน องค์ประกอบเหล่านี้ช่วยลดปัญหาเรื่องไม้เน่าตายได้ค่อนข้างที่จะดีเลยทีเดียวครับ ตั้งแต่เริ่มปลูกมาผมไม่ค่อยเจอปัญหารองเท้านารีเน่าตายสักเท่าไรครับ


                  แต่ปัญหาที่ผมจะเจอค่อนข้างบ่อยในการปลูกรองเท้านารีนั้น จะเป็นปัญหาเกี่ยวกับพวกแมลงต่างๆ ที่มารบกวน กัดกิน เช่นพวกเพลี้ยไฟ ไรแดง อะไรพวกนั้น  ซึ่งถ้าพบเมื่อไรผมก็จะทำการผสมยาแล้วฉีดโดยทันทีโดยไม่รอช้า เพราะถ้าปล่อยให้เจ้าพวกนี้กัดกินโดยไม่ทำอะไร ความเสียหายจะกระจายอย่างรวดเร็วมากครับ เพราะงั้นถ้าเจอปุ๊บต้องรีบจัดการปั๊บ ห้ามช้าเลยครับเรื่องนี้

                  ซึ่งตัวยาที่ใช้สำหรับฉีดนั้นผมจะใช้หลายๆ ยี่ห้อสลับกันไป เพราะถ้าใช้อยู่ยี่ห้อเดียวซ้ำๆ ไปนานๆ อาจจะเกิดอาการดื้อยาเอาได้ เพราะฉะนั้นผมก็เลยมีการสลับตัวยาที่ใช้ไปเรื่อยๆ เปลี่ยนบ่อยครับ เพราะงั้นเลยบอกไม่ได้ว่าใช้ยี่ห้อไหนแล้วดี หรือยี่ห้อไหนใช้แล้วได้ผลที่สุดผมก็ไม่แน่ใจครับ เพราะใช้หลายยี่ห้อสลับกันอย่างที่บอก


                  ในส่วนของการให้ปุ๋ยรองเท้านารีนั้น ผมไม่ได้มีขั้นตอนอะไรที่ซับซ้อนมากมาย ก็เอาแบบง่ายๆ  ผมจะใช้ปุ๋ยน้ำสูตรเร่งดอกผสมน้ำตามที่ฉลากเค้ากำหนดเลยครับ แล้วรดสองอาทิตย์ครั้ง แค่นี้เองครับ รดไปเรื่อยๆ เท่าที่ทำได้นั่นแหละไม่มีอะไรมาก


                  สำหรับการออกดอกของรองเท้านารีขาวสตูลนั้น กล้วยไม้สายพันธุ์นี้จะมีฤดูกาลออกดอกในช่วงระหว่างเดือน เมษายน กรกฏาคม ก็ระหว่างช่วงที่ผมกำลังเขียนบทความก็กำลังอยู่ในช่วงฤดูออกดอกของเค้าพอดีเลยครับ ที่บ้านผมช่วงนี้ก็เลยพอมีรองเท้านารีขาวสตูลให้ได้ชมดอกอยู่บ้าง นิดๆ หน่อยๆ ให้พอได้ชื่นใจ


                 ซึ่งในการออกดอกของเค้านั้น นอกจากฤดูกาลที่เหมาะสมและอากาศที่เหมาะสมแล้ว ความสมบรูณ์ของต้นก็เป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างยิ่งที่จะช่วยในการออกดอกของเค้า เพราะถึงแม้ว่าอากาศจะเหมาะอยู่ในช่วงฤดูกาลที่เค้าจะออกดอกพอดี แต่ถ้าต้นไม่สมบรูณ์ รากไม่ดี ต้นไม่โตพอ เค้าก็จะไม่ออกดอกนะครับ เพราะฉะนั้นก่อนที่จะลุ้นให้เค้าออกดอกต้องดูแลให้ต้นสมบรูณ์แข็งแรงก่อนนะครับ ถึงค่อยไปลุ้นต่อในช่วงฤดูกาลที่เหมาะสมอีกทีว่าเค้าจะออกดอกหรือไม่ ซึ่งถ้าต้นของรองเท้านารีนั้นสมบรูณ์มากๆ เค้ามีโอกาสที่จะออกดอกมากกว่าหนึ่งดอกเลยด้วยนะครับ อาจจะมีโอกาสได้เห็นสามดอกในช่อเดียวเลยด้วยครับ ถ้าต้นเค้าสมบรูณ์จัดๆ ซึ่งเวลาที่เค้าออกดอกหลายๆ ดอกในช่อเดียวกันนั้น ต้องบอกเลยว่าสวยมากครับ

                มีตัวอย่างภาพรองเท้านารีอีกต้นนึงของผมที่ออกดอกพร้อมกันสองดอกมาให้ดู อันนี้เป็นภาพเก่าที่ถ่ายไว้สักพักนึงแล้วล่ะครับ


สวยชื่นใจเลยครับ เวลาเห็นกล้วยไม้ที่เราปลูกออกดอกแบบนี้


               รองเท้านารีขาวสตูลนั้น ในแง่ของการซื้อขาย เค้าเป็นกล้วยไม้ที่มีหลายระดับราคา ถ้าเป็นต้นสวยๆ ดอกฟอร์มดี ทรงดอกดี หรือเป็นไม้ที่เกิดจากการผสมของต้นพ่อต้นแม่ที่สวยมากๆ ราคาก็จะแพงหน่อย แต่ถ้าเป็นไม้ธรรมดา หน้าตาไม่ได้สวยมาก ราคาก็จะเบาหน่อย รอยสองร้อยก็มีขายครับ อย่างของผมที่เลี้ยงอยู่นั้นผมซื้อจากตามงานเกษตรแฟร์ราคาก็ไม่แพงมากเท่าไร  ซึ่งจากที่ซื้อมาดอกก็สวยใช้ได้อยู่นะครับ อาจจะไม่ได้อลังการมากมายแต่ก็ประทับใจ คุ้มราคาครับ


                จริงๆ แล้วเมื่อก่อน รองเท้านารีขาวสตูลเป็นกล้วยไม้ที่เมื่อก่อนผมก็ไม่ค่อยกล้าซื้อ ไม่กล้าเสี่ยงที่จะปลูกสักเท่าไร เพราะคิดว่ารองเท้านารีขาวสตูลน่าจะเป็นกล้วยไม้ที่ปลูกยาก ปลูกแล้วไม่ได้เห็นดอกง่ายๆ แน่ๆ แต่พอได้มาลองปลูกเข้าจริงๆ แล้วก็ทำให้ได้รู้ว่ามันไม่ได้ยากเกินไป ถ้าพยายามก็สามารถปลูกรองเท้านารีชนิดนี้ให้ออกดอกได้แน่ๆ ขอแค่ต้องมีความตั้งใจเท่านั้นเราทำได้แน่นอนครับ เพราะงั้นถ้าท่านกำลังสนใจที่จะปลูกกล้วยไม้สายพันธุ์นี้ ผมว่าลองดูเลยครับ เริ่มจากซื้อต้นที่ราคาไม่แพงมาปลูกซ้อมมือดูก่อนก็ได้ครับ แล้วถ้าปลูกแล้วรุ่งปลูกแล้วคิดว่าไหว ค่อยขยับขยายไปซื้อต้นแพงๆ สวยๆ มาปลูกต่อไปก็ได้ครับ แต่น่าจะไหวแหละ อย่างที่บอกว่าในการปลูกกล้วยไม้สายพันธุ์นี้นั้นไม่ยากเกินความตั้งใจแน่นอนครับ


                       สำหรับเรื่องราวในการปลูกรองเท้านารีขาวสตูลของผมนั้น ผมขอเขียนถึงเท่านี้ก่อนก็แล้วกันนะครับ รู้สึกสมองเริ่มจะตันคิดไม่ออกเหมือนกันว่าอยากจะเขียนอะไรอีก มันเหมือนมีเรื่องที่อยากจะเขียนถึงมากกว่านี้ แต่ก็นึกไม่ออกว่าอะไรกันนะที่อยากเขียนแต่ยังไม่ได้เขียนไป เพราะงั้นเอาไว้ค่อยมาว่ากันใหม่ในอนาคตก็แล้วกันนะครับ ถ้ามีโอกาสคงได้มาพบกันอีกครั้ง วันนี้ก็ขอจบบทความลงแต่เพียงเท่านี้เลยก็แล้วกันนะครับ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามกันมา แล้วพบกันใหม่ครับ

No comments :

Post a Comment