Friday, March 6, 2015

ว่านเขาควายใหญ่ Eulophia graminea Lindl


     วันนี้ผมมีภาพกล้วยไม้ดินที่บ้านมาฝากหนึ่งชุด โดยในส่วนของชื่อของเค้านั้นผมยังไม่มั่นใจว่าผมเรียกชื่อเค้าถูกมั้ยเพราะผมได้ยินมาหลายชื่อและไม่แน่ใจว่าเค้าชื่ออะไรกันแน่ระหว่าง ว่านเขาควายใหญ่ กับ กล้วยไม้ช้างผสมโขลง แต่ผมขอเอนเอียงไปทาง ว่านเขาควายใหญ่ ก็แล้วกัน ผมคิดว่าเจ้าต้นนี้น่าจะใช่ชื่อนี้นี่แหละ เพราะงั้นผมก็จะขอเรียกชื่อเค้าว่าว่านเขาควายใหญ่ไปก่อนก็แล้วกันนะครับ ถ้าเกิดว่าผิดพลาดผมจะแก้ไขต่อไปครับ


     ผ่านจากเรื่องชื่อสายพันธุ์ของเค้าไปว่ากันถึงเรื่องราวต่างๆ ของไม้ชุดนี้กันบ้างดีกว่า เจ้าว่านเขาควายใหญ่ต้นนี้ แม่ของผมได้มาเมื่อตอนประมาณปลายปีที่แล้วตอนที่ไปเที่ยวต่างจังหวัด จากนั้นก็มอบหน้าที่ให้ผมเป็นคนดูแลปลูกเลี้ยง ซึ่งตอนที่ได้รับหัวไม้ชุดนี้มานั้นผมยังไม่แน่ใจว่าจะปลูกเค้าแบบไหนอย่างไรดีเพราะเค้ามีมาแต่หัวเปล่าๆ มีรากแห้งๆ ติดหัวมานิดหน่อย ผมเองไม่ค่อยทราบถึงแนวทางการปลูกพวกไม้ชนิดนี้สักเท่าไรนักก็เลยยังลังเลอยู่พอสมควรที่จะจัดการในเรื่องการปลูกพวกเค้าในตอนนั้น เพราะกลัวว่าจะปลูกแล้วตาย แต่ด้วยความที่ผมคิดว่าเจ้าต้นนี้น่าจะเป็นสายพันธุ์นึงของพวกกล้วยไม้ดินอาจจะใช้วิธีการปลูกแบบเดียวกับพวกกล้วยไม้ดินชนิดอื่นๆ ที่ผมเคยลองปลูกมาก่อนก็เป็นได้ สุดท้ายผมก็เลยตัดสินใจใช้วิธีการปลูกแบบที่ผมเคยทำนั่นแหละแล้วถ้าลองแล้วมีปัญหาก็ค่อยๆ ปรับวิธีการแก้ไขกันต่อไป ซึ่งวิธีการปลูกว่านเขาควายใหญ่ที่ผมใช้ก็มีวิธีการที่ง่ายมากๆ ดังนี้ครับ


    เริ่มจากการเลือกวัสดุปลูกที่จะนำมาใช้ปลูกก่อนเลยแล้วกัน โดยผมเลือกใช้ดินใบก้ามปูเลือกเอาในส่วนของใบเยอะๆ หน่อย ดินไม่ต้องมาก เอามาผสมกับกาบมะพร้าวสับเล็ก แล้วตอนที่ผสมเครื่องปลุกเข้าด้วยกันก็จัดการเติมปุ๋ยออสโมโคทลงไปสักเล็กน้อย แค่นี้เป็นอันเสร็จไม่ได้ผสมอะไรไปมากกว่านั้นเลยครับ 
    สำหรับท่านที่ไม่รู้จักปุ๋ยออสโมโคท อธิบายง่ายๆ ออสโมโคท คือปุ๋ยเม็ดแบบละลายช้าครับหยอดครั้งเดียวอยู่ได้นานประมาณ 3 เดือนครับ ปุ๋ยออสโมโคทนั้นมีขายตามร้านขายปุ๋ยและอุปกรณ์การเกษตรทั่วไปนี่แหละครับซึ่งมีทั้งสูตรเสมอและสูตรเร่งดอกให้ท่านเลือกซื้อไปใช้ในสนนราคากระปุกละไม่กี่สิบบาทครับ ผมชอบใช้ปุ๋ยชนิดนี้ผสมลงไปในเครื่องปลูกเวลาผสมดินปลูกต้นไม้ทั่วไปและรวมไปถึงการปลูกกล้วยไม้ก็มีบ่อยครั้งที่ใช้เช่นเดียวกันครับ แต่จะไม่ใช้การผสมเค้าลงไปตอนที่เราผสมเครื่องปลูกอย่างที่ผมชอบทำนั้นก็ได้ ใช้วิธีการโรยหน้าบนผิวดินหรือผิวเครื่องปลูกทีหลังก็ได้ครับ เพราะที่ผมชอบเอาปุ๋ยมาผสมลงไปในดินปลูกนั้นก็เพราะว่าผมเป็นพวกชอบรดนํ้าแรงๆ บางทีเวลาฉีดนํ้าใส่ผิวดินไปแล้วปุ๋ยมันจะกระจายกระเด็นออกมาจากกระถางผมก็เลยจับผสมลงไปในดินเสียก่อนซะเลยจะได้ไม่กระเด็นทีหลัง


     หลังจากที่เตรียมวัสดุปลูกเอาไว้พร้อมแล้วผมก็เริ่มทำการเทวัสดุปลูกลงในกระถางที่เตรียมไว้ แล้วจากนั้นก็จัดการวางหัวของเค้าลงไปกลบวัสดุปลูกที่รากของเค้าโดยให้ส่วนหัวของเค้านั้นโผล่ขึ้นมาเหนือดินไม่ได้กลบจนมิดทั้งหัวครับ เมื่อทำการปลูกเค้าลงไปในกระถางเรียบร้อยแล้วก็ทำการรดนํ้า จากนั้นก็นำกระถางของเค้าไปตั้งไว้ในจุดที่มีแสงแดดส่องไม่จัดมาก โดยสถานที่วางที่ผมเลือกวางเค้าไว้นั้นเค้าจะได้รับแสงแดดตั้งแต่ช่วงเช้าถึงสายๆ ประมาณนั้น การรดน้ำก็ผมรดเหมือนกับเลี้ยงกล้วยไม้ทั่วๆ ไปของผมเลยนั่นก็คือ ถ้าวันไหนฝนตกผมจะไม่รดน้ำ วันไหนฝนไม่ตกก็จะดูสักนิดหน่อยว่าเครื่องปลูกยังแฉะอยู่มั้ยถ้าเห็นว่าเครื่องปลูกแห่งก็ถึงจะรดนํ้าอะไรประมาณนี้ครับ ในส่วนของการให้ปุ๋ยนั้น ถ้าวันไหนผมรดปุ๋ยกล้วยไม้อื่นๆ ในบ้านผมก็จะรดให้เค้าด้วย โดยปุ๋ยที่ใช้ก็เป็นปุ๋ยน้ำสำหรับกล้วยไม้ทั่วๆ ไปนี่แหละแต่ผมชอบใช้เป็นสูตรเร่งดอกเป็นหลัก ในส่วนของการปลูกก็คร่าวๆ ประมาณนี้ครับ


     ซึ่งหลังจากที่ผมปลูกเค้ามาได้ไม่นาน คงจะเป็นความโชคดีล่ะมั้งที่ไม่กี่เดือนต่อมาเค้าก็เริ่มที่จะออกดอกมาให้ได้ชมกันซะแล้ว ผมว่าเค้าน่าจะตั้งท้องมาตั้งแต่ก่อนที่ผมจะได้เค้ามาปลูกนั้นแหละแล้วบังเอิญตอนที่ผมได้มานั้นมันใกล้ที่จะถึงฤดูกาลออกดอกของเค้าพอดีพอผมก็เลยมีโอกาสได้เห็นดอกของเค้าแบบไม่ต้องรอกันเป็นปีแบบนี้ ไม่ได้เกิดจากฝีมือการปลูกของผมหรอกที่ทำให้เค้าออกดอก


        ดอกของเจ้าว่านเขาควายใหญ่นั้น ผมว่าน่ารักดีครับ ถึงดอกจะมีขนาดเล็กและก้านดอกยาวไปสักหน่อย แต่สีสันลวดลายของเค้านั้นผมว่าใช้ได้ ค่อนข้างจะประทับใจในความน่ารักของดอกของเค้าพอสมควรเลยครับ


       เรื่องราวของเจ้ากล้วยไม้ดิน ว่านเขาควายใหญ่ก็มีประมาณนี้ครับ ผมยังใหม่มากกับการปลูกไม้ชนิดนี้ก็เลยไม่สามารถที่จะเขียนอะไรได้มากมายสักท่าไรนัก ก็เอาไว้ในอนาคตถ้าผมรู้จักเค้ามากขึ้นมีประสพการณ์ในการปลูกเลี้ยงเค้าที่มากขึ้นก็คงจะได้ย้อนกลับมาบอกเล่าเรื่องราวของเค้าอีกครั้ง ตอนนี้ก็คงต้องจบเรื่องราวเอาไว้ที่เท่านี้ก่อนแล้วกันนะครับ

No comments :

Post a Comment