เมื่อประมาณสัก 3-4 ปีที่แล้ว
ผมเริ่มสนใจในเรื่องราวของการปลูกหม่อนในกระถาง
เพราะได้ยินมาว่าต้นหม่อนนั้นปลูกในกระถางก็สามารถเจริญเติบโตและออกลูกได้
ได้ฟังแบบนั้นผมก็เลยมีการไปซื้อหม่อนสายพันธุ์ต่างๆ มาลองเลี้ยงดู
โดยเริ่มจากหม่อนธรรมดาสายพันธุ์ไทยก่อน เพราะมีราคาค่อนข้างจะถูก เกิดเลี้ยงแล้วตายก็ไม่เสียดายเงินมากเท่าไร
ซึ่งผลการเลี้ยงก็เป็นไปค่อนข้างดีทีเดียว
การเจริญเติบโตของต้นหม่อนเป็นไปได้ด้วยดี
เมื่อเห็นดังนั้นผมก็เลยเริ่มขยับขยายไปหาซื้อหม่อนสายพันธุ์อื่นๆ
ที่มีราคาสูงขึ้นมาลองเลี้ยงดูบ้าง ซึ่งในช่วงนั้นมีหม่อนสายพันธุ์นึงที่ผมได้ยินว่าผลของเค้ามีรสชาติหวานมาก
หวานมากกว่าหม่อนสายพันธุ์ไทยหลายเท่านัก ชื่อของเค้าคือหม่อนหิมาลายันขาว
หรืออีกชื่อที่เรียกกันว่า หม่อนขาวอุดร
ว่าแล้วก็เลยไปเดินหาซื้อมาได้ต้นนึง
ถ้าจำไม่ผิดราคาที่ผมซื้อมานั้น อยู่ที่ประมาณ 400 บาทครับ และเจ้าหม่อนหิมาลายันขาวต้นนี้นี่แหละที่ผมจะเขียนถึงในวันนี้ครับ
หม่อนหิมาลายันขาวต้นนี้เป็นไม้เสียบยอดครับ
ซึ่งต้องบอกเลยว่าผู้ที่ปลูกและขยายพันธุ์เจ้าต้นนี้นั้นทำออกมาได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว
เพราะดูจากตอที่เลือกมาเสียบนั้นขนาดตอค่อนข้างจะใหญ่และสมบรูณ์ใช้ได้
เพราะฉะนั้นตอนที่ผมเลือกซื้อเค้ามานั้นผมจึงค่อนข้างที่จะพอใจและคิดว่าราคา 400
บาทสำหรับเจ้าต้นนี้นั้นเหมาะสมครับ
แต่ตอนนั้นก็ไม่รู้หรอกนะครับ ว่าซื้อมาแล้วจะเลี้ยงรอดมั้ยเพราะผมไม่ค่อยรู้จักหม่อนสายพันธุ์นี้มากนักในตอนนั้น แต่อยากเลี้ยงก็ต้องลุยล่ะนะ ก็เลี้ยงไปตามที่คิดก็แล้วกัน
จะโตหรือตายก็ต้องวัดกันสักตั้ง เป็นไงเป็นกัน
ซึ่งแรกเริ่มตอนที่นำกลับมาปลูกนั้น ผมปลูกในกระถางขนาดประมาณ
14 นิ้ว ครับ โดยวัสดุปลูกที่ผมใช้ปลูกเจ้าหม่อนหิมาลายันขาวนั้น
ผมใช้เป็นดินใบก้ามปู ผสมปุ๋ยคอก ผสมกาบมะพร้าวสับ แค่นี้เองครับ ง่ายๆ ไม่ซับซ้อน
เรื่องการดูแลนั้น หม่อนเป็นไม้ที่ค่อนข้างชอบแดด
เพราะฉะนั้นผมก็วางกระถางไว้ตรงจุดที่มีแดดส่องตลอดทั้งวันเช้าจรดเย็นเลยครับ
โดนแดดจัดผมว่าเค้าทนได้สบายแต่ถ้าร่มเกินไปชื้นเกินไปผมว่าเสี่ยงที่จะตายมากเลยครับ
ในการรดน้ำของผมนั้น ถ้าวันไหนฝนตกผมจะไม่รด
ถ้าวันไหนฝนไม่ตกผมจะดูดินปลูกครับ ถ้าเห็นว่าดินปลูกแห้งสนิทก็จะรดน้ำครับ
แต่ก็มีบางครั้งนะที่ผมไม่ได้รดน้ำหลายวันติดกัน เพราะบางทีก็ไม่อยู่บ้านหลายๆ
วันมันก็เลยไม่ได้รด ซึ่งเค้าก็รอดได้นะครับ เพราะหม่อนนั้นเป็นไม้ที่ค่อนข้างอึดพอสมควรเลยทีเดียวครับ
แต่ก็อย่าถึงขนาดที่ว่าปลูกในกระถางแล้วไม่รดน้ำเลยสักครังปล่อยให้โตตามมีตามเกิดนะครับ
อันนั้นผมว่าไม่ไหวแน่ ถ้าจะทำแบบนั้นแนะนำว่าปลูกลงดินดีกว่าครับ
ปลูกในกระถางยังไงคนปลูกก็ต้องรดน้ำบ้าง ไม่รดเลยสักครั้งผมว่าไม่รอดครับ แห้งตายคากระถางแน่นอน
ส่วนการให้ปุ๋ยนั้นผมไม่เน้นปุ๋ยเคมีเท่าไรครับ
ผมจะใช้เป็นปุ๋ยมูลใส้เดือน ใส่ประมาณสองอาทิตย์ครั้ง ครั้งละ 1 กำมือ ครับ
บางครั้งก็อาจจะมีใส่ปุ๋ยคอกบ้างนานๆ ที แต่มูลใส้เดือนคือตัวหลักที่ใช้เป็นประจำ
และไม่ใช่แต่เพียงกับเจ้าต้นนี้นนะครับ พวกไม้อื่นๆ ที่ผมปลูกอย่าง มะเดื่อฝรั่ง
ผมก็ใส่ปุ๋ยมูลใส้เดือนเป็นหลักเหมือนกัน เรียกได้ว่าเป็นปุ๋ยคู่มือผมเลยครับ
หลังจากที่ผมเริ่มเลี้ยงเจ้าต้นนี้มาได้เรื่อยๆ
เค้าเจริญเติบโตขึ้นมาบ้างแต่ไม่ได้โตเร็วสักเท่าไรนัก ก็คงเป็นเพราะว่า
ปลูกในกระถาง พื้นที่มันค่อนข้างจะจำกัด
การเจริญเติบโตของต้นไม้ก็เลยไม่ค่อยพุ่งอย่างเด่นชัดเหมือนลงดิน
ซึ่งผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ถึงจะโตไม่เร็วก็ไม่เป็นไร ขอแค่ไม่ตายก็พอแล้ว
แต่ที่ห่วงมากกว่าคือการออกลูกนี่แหละ ไม่รู้ว่าจะมีลูกออกมามั้ย ถ้าไม่มีเลยนี่คงจะแย่แน่ๆ
และแล้วหลังจากที่ผมเลี้ยงเค้าอยู่เกือบปีจนกระทั่งเห็นว่าน่าจะถึงเวลาที่จะต้องทำให้เค้าออกลูกแล้วล่ะ
เพราะกิ่งเริ่มจะยาวมากแล้วและใบเริ่มแก่แล้ว
ผมก็เลยจัดการกรรมวิธีกระตุ้นการออกลูกของเค้าทันทีครับ
วิธีการทำให้หม่อนออกผลนั้น มีอยู่สองวิธีครับ
วิธีการแรกคือการ ตัดแต่งกิ่งครับ อธิบายง่ายๆ
ถ้าเราตัดกิ่งหม่อนออก ต้นหม่อนจะแตกยอดใหม่ออกมาเพื่อฟื้นการเจริญเติบโต
ซึ่งยอดใหม่ที่หม่อนแตกออกมาหลังจากตัดกิ่งไปนั้นจะมีผลหม่อนเกิดขึ้นมาพร้อมกับยอดใหม่นั้นด้วย
เพราะฉะนั้นถ้าอยากให้หม่อนออกผลวิธีการแรกคือ ตัดกิ่งครับ
วิธีการนี้ผมไม่ได้ใช้กับเจ้าต้นนี้ แต่ผมเคยลองทำกับอีกต้นนึงแล้วพบว่าได้ผลอยู่เหมือนกัน พอตัดแต่งกิ่งไปแล้วก็ติดลูกออกมาพอสมควรเลยทีเดียวครับ
ส่วนวิธีที่สอง
ซึ่งเป็นวิธีที่ผมใช้กับเจ้าต้นนี้นั้น คือการโน้มกิ่งครับ ซึ่งวิธีการนี้นั้น
จะมีขั้นตอนดังต่อไปนี้
เริ่มแรกคือทำการริดใบออกให้หมด
หมดนี่คือหมดเลยนะครับ ผมนี่รูดใบออกจนไม่เหลือสักใบเลยครับ
จากนั้นหลังจากที่ริดใบออกหมดแล้วก็ทำการโน้มกิ่งให้โค้ง จากนั้นผมจะเอาเชือกผูกกับปลายกิ่งจากแล้วก็เอาไปผูกกับโคนต้นไว้
แล้วก็ทิ้งไว้แบบนั้นตามในรูปนี่แหละ อธิบายด้วยภาพเลยแล้วกันนะครับ
เมื่อทำตามในรูปนี้แล้วก็ทิ้งไว้แบบนี้เลยครับ จากนั้นเราก็เลี้ยงดู รดนํ้าไปตามปรกติเหมือนที่เคยทำนั่นแหละ ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น
เมื่อต้นหม่อนไม่มีใบเหลือที่จะใช้สังเคราะห์แสงแล้วเค้าจะเอาตัวรอดด้วยการแตกยอดออกมาใหม่ออกมา พร้อมกับออกลูกมาด้วยกันกับยอดใหม่นั้นอีกด้วย ซึ่งจากวิธีการนี้ที่ผมทำนั้นผลหม่อนที่ออกมานั้นมีปริมาณที่ค่อนข้างเยอะพอสมควรเลยครับ เยอะกว่าวิธีการแรกคือการตัดกิ่งทิ้งอีกครับ
เมื่อต้นหม่อนไม่มีใบเหลือที่จะใช้สังเคราะห์แสงแล้วเค้าจะเอาตัวรอดด้วยการแตกยอดออกมาใหม่ออกมา พร้อมกับออกลูกมาด้วยกันกับยอดใหม่นั้นอีกด้วย ซึ่งจากวิธีการนี้ที่ผมทำนั้นผลหม่อนที่ออกมานั้นมีปริมาณที่ค่อนข้างเยอะพอสมควรเลยครับ เยอะกว่าวิธีการแรกคือการตัดกิ่งทิ้งอีกครับ
หลังจากทำวิธีการนี้ไปได้ไม่นานเค้าก็เริ่มที่จะแทงใบใหม่ขึ้นมาพร้อมกับผลแล้วล่ะครับตามรูปด้านล่าง
ออกผลมาชุดใหญ่กันเลยทีเดียวเจ้าต้นนี้ ทำเอาคนปลูกยิ้มไม่หุบเลยครับงานนี้
ผลที่ออกมาในรอบนั้นลองมองๆ ดูแล้วรวมหมดทั้งต้นน่าจะถึงร้อยผลเลยครับ นี่แค่ปลูกในกระถาง 14 นิ้วเองนะเนี่ย ยังดกได้ขนาดนี้ ถ้าเกิดว่าปลูกลงดินจนต้นใหญ่ๆ สงสัยจะเยอะกว่านี้อีกมากมายแน่
แค่กิ่งเดียวก็สิบกว่าผลแล้วครับ รวมทั้งต้นนี่ก็ไม่รู้มีเท่าไร
ซึ่งหลังจากที่เค้าเริ่มติดผลแล้วผมก็เลี้ยงดูต่อไปเรื่อยๆ รดน้ำใส่ปุ๋ยตามปรกติ
ไม่กี่อาทิตย์ต่อมาผลหม่อนก็ค่อยๆ โตและเริ่มที่จะแก่จัด ให้ได้เก็บไปทานแล้วล่ะครับ
ผลของหม่อนหิมาลายันขาวนั้น ถ้าแก่จัดจะหวานมากเลยครับ หวานจริงจังอย่างที่ใครๆ
เค้าว่าจริงๆ ผมว่าน่าจะหวานกว่าหม่อนแดงสายพันธุ์ไทยเลยด้วยครับ
ซึ่งการจะดูว่าแบบไหนถึงจะแก่จัดจนเก็บมาทานได้นั้น ผมดูที่สีครับ ถ้าสีออกเขียวๆ ก็แสดงว่ายังแก่ไม่จัดยังไม่ต้องเก็บครับ รอให้สีของผลเริ่มเป็นสีขาวก่อนครับ นั่นแหละคือแก่จัดพร้อมให้ทานได้แล้วจึงค่อยเก็บมาทานกันให้สะใจ
ซึ่งการจะดูว่าแบบไหนถึงจะแก่จัดจนเก็บมาทานได้นั้น ผมดูที่สีครับ ถ้าสีออกเขียวๆ ก็แสดงว่ายังแก่ไม่จัดยังไม่ต้องเก็บครับ รอให้สีของผลเริ่มเป็นสีขาวก่อนครับ นั่นแหละคือแก่จัดพร้อมให้ทานได้แล้วจึงค่อยเก็บมาทานกันให้สะใจ
ผลหม่อนหิมาลายันขาวที่แก่จัดจะมีสีออกขาวนวลประมาณนี้
ผลหม่อนสดๆ แบบนี้ หวานชื่นใจมากเลยครับ
แต่ไม่ใช่แค่คนปลูกเท่านั้นนะครับที่รอที่จะทานผลหม่อน
บรรดานกทั้งหลายเองก็ค่อนข้างจะชอบมากเลยทีเดียวครับ อย่างเจ้าต้นนี้
บอกตามตรงเลยว่าเอาเข้าจริงผมได้ทานแค่ส่วนเดียวเท่านั้น
อีกส่วนนึงนกเอาไปกินหมดเลยครับ
เผลอเป็นไม่ได้กลับมาดูอีกทีนกมากินเรียบไปเสียแล้ว
หลังจากที่หมดผลปุ๊บเราก็ต้องมาเลี้ยงดูบำรุงกันต่อไป
สำหรับการปลูกหม่อนในกระถางนั้น
เป็นไปได้ก็เปลี่ยนดินให้เค้าปีละครั้งก็น่าจะดีครับ เค้าจะได้รับสารอาหารใหม่ๆ
ในดินใหม่ๆ ด้วย ถ้าปล่อยให้ปลูกอยู่ในดินเดิมๆ
โดยที่ไม่เคยจับมาเปลี่ยนดินตัดแต่งรากแก่ๆ ออกเสียบ้าง ผมว่าต้นมันจะแกรนดูแล้วไม่ค่อยงามและการออกผลในรอบต่อไปจะให้ผลน้อยลงครับ
เพราะงั้นเปลี่ยนดินบ้างนะครับ
ก็ไม่มีอะไรแล้วครับสำหรับเรื่องราวการปลูกหม่อนหิมาลายันขาวในกระถาง
ตลอดสองสามปีที่ผมปลูกเจ้าต้นนี้มา ผมมีโอกาสได้ทานผลเค้ามาพอสมควรแล้วล่ะครับ จับเด็ดใบทิ้งแล้วโน้มกิ่งให้ออกผลมาหลายรอบแล้วเหมือนกัน
ก็คิดว่าคุ้มแล้วล่ะครับ สำหรับการซื้อเค้ามา
ที่เหลือก็เป็นเรื่องของอนาคตต่อไปว่าเค้าจะเจริญเติบโตไปได้อีกขนาดไหน จะมีผลให้ได้ทานกันอีกเท่าไรก็ไม่รู้นะครับ
ผมก็เลี้ยงเค้าไปเรื่อยๆ แบบนี้นี่แหละ ดูแลกันต่อไป
ก็หวังว่าทุกท่านที่ผ่านเข้ามาอ่านแล้วเกิดสนใจที่จะปลูกหม่อนจะได้ประโยชน์จากบทความนี้บ้างไม่มากก็น้อย
แต่ถ้าท่านสนใจแต่ยังลังเลใจว่าควรจะปลูกดีมั้ย ผมว่าลองหาข้อมูลไปเรื่อยๆ
เปิดอ่านจากเว็บต่างๆ เพิ่มเติมดูก่อนก็ได้ครับ
สิ่งที่ผมเขียนอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องไปเสียทั้งหมดก็เป็นได้
ผมแค่แชร์เรื่องราวในมุมของผมที่ทำเท่านั้น สิ่งที่ผมทำอาจจะผิดก็เป็นได้
เพราะฉะนั้นอย่าพึ่งเชื่อทั้งหมดที่ผมเขียน ลองหาข้อมูลไปก่อนครับ
มั่นใจเมื่อไรค่อยลุยก็ได้ครับ
การปลูกต้นไม้ไม่มีคำว่าสาย เริ่มต้นเมื่อไรก็ได้
รอให้ใจพร้อม สถานที่พร้อม อุปกรณ์พร้อม เป็นดีที่สุดครับ
เราจะได้ลุยกันได้อย่างเต็มที่ไม่มีติดขัด
ขอให้มีความสุขกับการปลูกต้นไม้นะครับ แล้วพบกันใหม่กับเรื่องราวเรื่องต่อไป ขอบคุณครับ
มีกิ่งพันธุ์แบ่งขายมั้ยครับ
ReplyDeleteไม่มีเลยครับ ผมมีแค่ต้นเดียวนี่แหละ
Deleteหาซื้อได้ที่ไหนบ้างครับ
Deleteผมไม่มั่นใจนะครับเพราะต้นนี้ผมซื้อมานานแล้ว แต่ผมเคยเห็นมีขายที่ ตลาดต้นไม้จตุจักร วันพุธครับ
Deleteสนใจต้นพันธุ์หม่อน ติดต่อ 0885517846 ครับ
ReplyDeleteสนใจต้นพันธุ์หม่อน ติดต่อ 0885517846 ครับ
ReplyDeleteเสียบกับตอหม่อนพันธุ์ไหนครับ
ReplyDeleteไม่ทราบเหมือนกันครับว่าเป็นตอของหม่อนพันธุ์ไหน ต้นนี้ผมซื้อมาน่ะครับ ไม่ได้เสียบยอดเอง
Delete